• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

โรคเท้าเป็นรู สาเหตุของเท้าเหม็น

Started by Joe524, Today at 08:51:07 AM

Previous topic - Next topic

Joe524

โรคเท้าเหม็นเป็นรู คืออะไร?
โรคเท้าเหม็นเป็นรู หรือ โรคเท้าเป็นรู (Pitted Keratolysis) เป็นโรคติดเชื้อผิวหนังที่เกิดจากแบคทีเรีย ซึ่งพบได้บริเวณฝ่าเท้า เกิดจากการที่เชื้อแบคทีเรียเจริญเติบโตในสภาพแวดล้อมที่มีความอับชื้นและเหงื่อสะสม อาการเด่นชัดคือมีกลิ่นเหม็นและมีรูเล็กๆ ที่ผิวหนังบริเวณฝ่าเท้า


อาการของโรคเท้าเหม็นเป็นรู
[ul]
  • มี รูเล็กๆ บนฝ่าเท้า หรือบางครั้งรูเหล่านี้อาจลึกจนเป็นหลุม
  • มีกลิ่นเหม็นรุนแรงที่เท้า แม้จะล้างทำความสะอาดแล้ว
  • บางครั้งอาจมีอาการ คันหรือเจ็บ บริเวณที่เป็น
[/ul]

สาเหตุของโรคเท้าเหม็นเป็นรู
[ol]
  • การติดเชื้อแบคทีเรีย
    เช่น Kytococcus sedentarius หรือ Corynebacterium
  • เหงื่อออกมาก
    เมื่อเท้าชื้นจากเหงื่อ แบคทีเรียจะเจริญเติบโตได้ดี
  • การใส่รองเท้าอับ
    เช่น รองเท้าหุ้มส้นที่ระบายอากาศไม่ดี
  • สุขอนามัยไม่ดี
    เช่น ไม่ล้างเท้าให้สะอาดหรือไม่เปลี่ยนถุงเท้าบ่อย
[/ol]

โรคเท้าเป็นรู รักษาอย่างไร?
[ol]
  • การรักษาด้วยยา
    [ul]
    • ยาทาฆ่าเชื้อแบคทีเรีย
      เช่น คลินดามัยซิน (Clindamycin), อีริโทรมัยซิน (Erythromycin)
    • ยาต้านเชื้อรา
      หากมีการติดเชื้อราแทรกซ้อน
    • ยาระงับเหงื่อ
      เช่น สารประกอบอะลูมิเนียมคลอไรด์ (Aluminum Chloride) เพื่อช่วยลดเหงื่อ
    [/ul]
  • การดูแลเท้า
    [ul]
    • ล้างเท้าด้วยสบู่ยาฆ่าเชื้อวันละ 2 ครั้ง
    • เช็ดเท้าให้แห้งสนิท โดยเฉพาะระหว่างนิ้วเท้า
    • ใช้แป้งฝุ่นโรยเท้าเพื่อดูดซับความชื้น
    [/ul]
  • เปลี่ยนพฤติกรรม
    [ul]
    • หลีกเลี่ยงการใส่รองเท้าปิดสนิทนานๆ
    • เลือกถุงเท้าที่ทำจากผ้าที่ระบายอากาศดี เช่น ผ้าฝ้าย
    [/ul]
  • เลเซอร์หรือการรักษาทางการแพทย์
    หากอาการรุนแรง ควรพบแพทย์เพื่อรับคำปรึกษาเพิ่มเติม
[/ol]

เท้าเป็นรู อันตรายไหม?
โรคเท้าเหม็นเป็นรูไม่อันตรายถึงชีวิต แต่หากปล่อยไว้โดยไม่รักษา อาจเกิดการติดเชื้อแบคทีเรียลุกลาม หรือการติดเชื้อราเพิ่มเติม ซึ่งจะทำให้รักษายากขึ้น

วิธีป้องกันโรคเท้าเหม็นเป็นรู
[ul]
  • รักษาความสะอาดของเท้าและถุงเท้า
  • หลีกเลี่ยงการใส่รองเท้าที่อับชื้นหรือเปียก
  • เปลี่ยนถุงเท้าและรองเท้าบ่อยๆ
  • ใช้แป้งฝุ่นหรือยาระงับเหงื่อที่เท้า
  • เลือกรองเท้าที่ระบายอากาศได้ดี
[/ul]
หากอาการไม่ดีขึ้นใน 2-3 สัปดาห์ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อการรักษาเพิ่มเติม