Page No.📢 148 คู่มือสำหรับขั้นตอนแล้วก็กรรมวิธีการเจาะตรวจดินเพื่อการก่อสร้าง

[Hanako5]

งานเจาะตรวจดิน (Soil Boring Test) เป็นวิธีการสำคัญที่ช่วยให้นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ วิศวกร และก็ดีไซน์เนอร์องค์ประกอบเข้าใจรูปแบบของดินในพื้นที่ก่อสร้างได้อย่างลึกซึ้ง ข้อมูลที่ได้มาจากการสำรวจดินนี้มีบทบาทสำคัญในการออกแบบรากฐานองค์ประกอบ ช่วยลดความเสี่ยงจากปัญหาดินที่อาจมีผลต่อความมั่นคงยั่งยืนและความปลอดภัยของตึกหรือโครงงานต่างๆในบทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจขั้นตอนและกรรมวิธีการเจาะตรวจสอบดินอย่างพิถีพิถัน เพื่อสามารถนำไปประยุกต์ได้จริงในงานก่อสร้าง

🎯👉✅กรรมวิธีเจาะตรวจดิน

1.การวางเป้าหมายและก็เตรียมการก่อนการเจาะสำรวจดิน
ก่อนเริ่มงานเจาะสำรวจดิน การวางเป้าหมายเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อให้การทำงานเป็นไปอย่างราบรื่นรวมทั้งได้ข้อมูลที่มีคุณภาพสูง โดยจะต้องพินิจพิเคราะห์สาเหตุดังนี้:

-ระบุพื้นที่และจุดเจาะตรวจ
การเลือกตำแหน่งสำหรับเพื่อการเจาะดินควรครอบคลุมพื้นที่ที่จะก่อสร้าง เพื่อให้ได้ข้อมูลดินที่จริงจริงในทุกจุด
-ประเมินความลึกของการเจาะ
ความลึกของการเจาะตรวจจะขึ้นอยู่กับขนาดรวมทั้งน้ำหนักขององค์ประกอบที่คิดแผนจะก่อสร้าง
-เตรียมการอุปกรณ์และอุปกรณ์
เช่น เครื่องเจาะดิน แบบอย่างดินบรรจุหลอดทดสอบ แล้วก็อุปกรณ์เสริมอื่นๆ

-------------------------------------------------------------
เสนอบริการ รับเจาะดิน | บริษัท เอ็กซ์เพิร์ท ซอยล์ เซอร์วิส แอนด์ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด
บริษัท Soil Test บริการ Soil Boring Test วิเคราะห์และทดสอบคุณสมบัติทางด้านวิศวกรรม ทดสอบเสาเข็ม (Seismic Integrity Test)

👉 Tel: 064 702 4996
👉 Line ID: @exesoil
👉 Facebook: https://www.facebook.com/exesoiltest/
-------------------------------------------------------------

2.การสำรวจพื้นที่เบื้องต้น
การสำรวจเบื้องต้นก่อนเริ่มเจาะช่วยให้ทีมงานรู้เรื่องลักษณะตำแหน่งที่ตั้ง ยกตัวอย่างเช่น ความลาดเอียง ระดับน้ำใต้ดิน แล้วก็องค์ประกอบของดินชั้นบน เพื่อประเมินความเหมาะสมสำหรับเพื่อการเจาะตรวจ

3.การเจาะสำรวจแล้วก็เก็บตัวอย่างดิน (Soil Sampling)
ขั้นตอนนี้ถือเป็นหัวใจหลักของงานเจาะตรวจสอบดิน โดยใช้เครื่องเจาะพิเศษในการนำตัวอย่างดินออกมาทดลอง มีวิธีการเก็บตัวอย่างดินดังต่อไปนี้:

4.การเก็บตัวอย่างดินผิวหน้า (Surface Sampling)
ใช้สำหรับพินิจพิจารณาคุณลักษณะดินในชั้นตื้น ดังเช่นว่า การซึมผ่านของน้ำ ความชื้น และการแปดเปื้อน

5.การเก็บตัวอย่างดินลึก (Core Sampling)
ใช้สำหรับเล่าเรียนรูปแบบของดินในชั้นลึก อย่างเช่น ดินเหนียว ดินปนทราย และดินหิน

6.การบันทึกข้อมูลและการวิเคราะห์เบื้องต้น
ระหว่างการเจาะ วิศวกรจะบันทึกข้อมูลที่สำคัญ อย่างเช่น ความลึกที่ดินแต่ละชั้นปรากฏ ความหนาแน่น และจำนวนน้ำบาดาล ข้อมูลนี้จะช่วยสำหรับเพื่อการตัดสินใจระหว่างการทำงาน

7.การวิเคราะห์ในห้องปฏิบัติการ
ตัวอย่างดินที่เก็บมาจะถูกส่งไปยังห้องปฏิบัติการเพื่อวิเคราะห์คุณลักษณะต่างๆดังเช่นว่า

-ค่าความรู้ความเข้าใจสำหรับในการรับน้ำหนัก (Bearing Capacity)
ใช้เพื่อการวางแบบโครงสร้างรองรับ
-ค่าการซึมผ่านของน้ำ (Permeability)
ใช้สำหรับเพื่อการวางแผนระบายน้ำ
-ค่าความเป็นกรด-ด่าง (pH Value)
ช่วยประมวลผลกระทบต่อสิ่งของที่ใช้ในองค์ประกอบ

📌✅🎯การจัดทำรายงานผลสำรวจดิน

หลังจากการวิเคราะห์ในห้องปฏิบัติการเสร็จสมบูรณ์ วิศวกรจะทำรายงานที่สรุปข้อมูลทั้งหมด ซึ่งมี:
-รายละเอียดเกี่ยวกับคุณสมบัติของดินแต่ละชั้น
-คำแนะนำสำหรับการดีไซน์ฐานราก
-การประเมินการเสี่ยงจากต้นสายปลายเหตุดิน

⚡📢📢กรรมวิธีเจาะตรวจสอบดินที่นิยมใช้

1.การเจาะตรวจสอบด้วยวิธีมือ (Hand Auger Drilling)
วิธีการแบบนี้เหมาะสำหรับงานเจาะตรวจสอบขนาดเล็กหรือพื้นที่ที่ยากต่อการเข้าถึง โดยใช้วัสดุเจาะดินที่สามารถหมุนมือได้

2.การเจาะตรวจสอบด้วยเครื่องจักร (Machine Drilling)
ใช้เครื่องเจาะดินที่มีระบบระเบียบไฮดรอลิกหรือระบบมอเตอร์ เหมาะกับการเจาะลึกและก็พื้นที่ขนาดใหญ่

3.การเจาะสำรวจด้วยแนวทาง Wash Boring
ใช้สำหรับพื้นที่ที่มีชั้นดินเหนียวหรือชั้นดินทราย โดยใช้แรงดันน้ำช่วยในการเจาะ

4.การเจาะตรวจสอบด้วยวิธี Rotary Drilling
เป็นวิธีที่ใช้เครื่องเจาะแบบหมุนที่มีประสิทธิภาพสูง เหมาะกับการเจาะดินชั้นลึกรวมทั้งการสำรวจแผนการขนาดใหญ่

⚡📢🦖ข้อควรคำนึงสำหรับในการเจาะตรวจสอบดิน

-การเลือกตำแหน่งเจาะที่ไม่เหมาะสม
การเจาะตรวจในจุดที่ไม่ครอบคลุมเขตก่อสร้างอาจจะส่งผลให้ข้อมูลที่ได้ไม่ครบบริบรูณ์
-การละเลยกระบวนการพินิจพิจารณาดิน
แม้ข้ามขั้นในขณะนี้ไป บางทีอาจก่อให้เกิดผลเสียต่อความยั่งยืนของโครงสร้างในอนาคต
-การใช้เครื่องมือที่ไม่เหมาะสม
เครื่องมือที่มิได้มาตรฐานอาจจะส่งผลให้ตัวอย่างดินที่เก็บได้มีความผิดเพี้ยน

👉✨🌏ประโยชน์ที่ได้รับมาจากการปฏิบัติตามกรรมวิธีการเจาะตรวจดินอย่างแม่นยำ

1.ช่วยทำให้การออกแบบรากฐานมีความแม่นยำ
ข้อมูลที่ได้จากการเจาะตรวจสอบช่วยทำให้วิศวกรสามารถวางแบบรากฐานที่เหมาะสมกับสภาพดินในพื้นที่

2.ลดการเสี่ยงสำหรับการเกิดปัญหาส่วนประกอบ
การรู้เรื่องคุณสมบัติของดินช่วยลดช่องทางที่ส่วนประกอบจะกำเนิดปัญหาทรุดหรือพังทลาย

3.เพิ่มความปลอดภัยในระยะยาว
โครงการที่ปฏิบัติงานเจาะตรวจสอบดินอย่างถูกต้องจะมีความปลอดภัยและยืนยาวกว่างานที่ข้ามขั้นปัจจุบันนี้

4.สนับสนุนการวางเป้าหมายโครงงานอย่างยั่งยืน
การใช้ข้อมูลดินในการตัดสินใจช่วยทำให้แผนการดำเนินไปอย่างยั่งยืนแล้วก็ลดผลพวงต่อสิ่งแวดล้อม

🥇📌👉สรุป

การเจาะตรวจสอบดินเป็นกรรมวิธีที่จำเป็นต้องสำหรับแผนการก่อสร้างทุกประเภท เพื่อให้ได้ข้อมูลที่แจ่มกระจ่างเกี่ยวกับคุณสมบัติของดินในพื้นที่ การปฏิบัติตามกระบวนการเจาะตรวจสอบดินอย่างครบถ้วนช่วยให้โครงการก่อสร้างดำเนินไปอย่างมั่นคงถาวร ไม่มีอันตราย และก็มีคุณภาพ การวางเป้าหมายและการใช้แนวทางการเจาะตรวจสอบที่เหมาะสมกับรูปแบบของพื้นที่เป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยทำให้ส่วนประกอบในอนาคตมีความแข็งแรงแล้วก็ยืนยาว

สำหรับนักปรับปรุงและก็วิศวกรที่กำลังวางแผนแผนการ การลงทุนในงานเจาะตรวจสอบดินอย่างแม่นยำคือกุญแจสู่การบรรลุเป้าหมายของโครงการในระยะยาว และก็เป็นการสร้างฐานรากที่มั่นคงสำหรับส่วนประกอบที่ปลอดภัยแล้วก็ยั่งยืนในระยะยาว
Tags : การเจาะสํารวจชั้นดิน คือ